หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

พระบ้านนอก.ธรรมะ


ธรรมะ กับ การเมือง
เป็นสิ่งที่แยกกันไม่ได้
แยกกันเมื่อไร
การเมืองก็กลายเป็นเรื่องทำลายโลกขึ้นมาทันที

เมื่อกล่าวโดยปรัชญาทางศีลธรรม
การเมืองก็คือหน้าที่ของมนุษย์
ที่เขาจะต้องประพฤติกระทำให้ถูกต้อง
ตามกฎของธรรมชาติอันเฉียบขาด
เพื่อผลคือการอยู่กันเป็นผาสุก
โดยไม่ต้องใช้อาชญา
แต่เมื่อไม่มีการคำนึงถึงศีลธรรมกันเสียแล้ว
การเมืองก็กลายเป็นเรื่องสกปรก
สำหรับหลอกลวงกัน อย่างไม่มีขอบเขต
จนกระทั่งโลกนี้กลายเป็นโลกแห่งการหลอกลวงไปเสีย
มีแต่สัตว์การเมือง ที่เป็นสัตว์เอาเสียจริง ๆ
กล่าวคือ บูชาเรื่อง กิน-กาม-เกียรติ แทนสันติสุข

การเมืองที่แท้จริงสำหรับมนุษย์
ต้องตั้งรากฐานอยู่บนรากฐานทางศาสนา
ของทุกศาสนาที่มีอยู่ว่า
"สัตว์ทั้งหลาย เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย
ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น"
นักการเมืองที่มีธรรมสัจจะข้อนี้อยู่ในใจ
ย่อมเป็นนักการเมืองของพระเจ้า
การเคลื่อนไหวของเขาทุกกระเบียดนิ้ว
มีแต่กุศล
จนกระทั่งกลายเป็นปูชนียบุคคลไป

เกิดมาแล้วต้องไม่เสียชาติเกิด
คือเกิดมาในโลกนี้แล้ว
ต้องมีส่วนที่จะทำให้โลกนี้มีสันติสุข สันติภาพ

พุทธบริษัทเรา ถ้าตกไปในความงมงายเท่าไร
ก็สูญเสียอิสรภาพทางสติปัญญาเท่านั้น
ความงมงายนี้มีหลายสิบ หลายร้อย รูปแบบหรือชนิด
ไปดูเอาเองอย่าต้องออกชื่อ มันกระทบกระเทือน

เราเป็นคนคนหนึ่งในโลก
ก็ต้องรับรู้ปัญหาต่าง ๆ ของโลก
เพราะว่าถ้าปัญหามันเกิดขึ้นในโลก
แล้วมันก็ต้องถึงเราด้วย

การเมืองที่ปราศจากธรรม
ตั้งต้นจากการขยายตัวของกิเลส

อย่าลืมธรรมชาติ
พยายามที่จะใกล้ชิดธรรมชาติไว้ในโลกให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น